ในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนโลกด้วยความเร็วแสงเลเซอร์ไม่ใช่เพียงแค่แสงสีสวยงามในคอนเสิร์ตอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลัง ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการผลิต ด้วยความแม่นยำดุจใบมีดแห่งแสง ที่สามารถตัด แกะสลัก และเจาะ วัสดุได้หลากหลาย ตั้งแต่แผ่นโลหะบางเฉียบ ไปจนถึงวัสดุแข็งแกร่งอย่างเพชร
ทว่า เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของลำแสงเลเซอร์ ย่อมแฝงไว้ด้วย "คมมีดสองด้าน" เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่น ๆ การตัดเลเซอร์ ก่อให้เกิดผลกระทบ ทั้งในแง่บวก และแง่ลบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสมบัติของวัสดุ อันตรายจากรังสี ควันพิษ มลภาวะทางเสียง และการใช้พลังงาน
บทความนี้ เราจะไปเจาะลึกการตัดเลเซอร์อีกแง่หนึ่ง เพื่อสำรวจ "ผลกระทบจากการตัดเลเซอร์" อันหลากหลาย ที่เกิดขึ้น ทั้งต่อวัสดุ ผู้ปฏิบัติงาน และสิ่งแวดล้อม เปรียบเสมือนการเดินทาง เพื่อ "รู้เขา รู้เรา" ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเลเซอร์อย่างเต็มตัว และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ อย่างยั่งยืน และปลอดภัย
ผลกระทบที่เกิดจากการตัดเลเซอร์
ลองนึกภาพดาบเลเซอร์ในภาพยนตร์ไซไฟ ที่สามารถตัดผ่านวัตถุได้อย่างเฉียบคม นั่นแหละครับ คือ จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจสู่เทคโนโลยีการตัดเลเซอร์ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่แทนที่จะใช้พลังงานจาก "พลัง Force" การตัดเลเซอร์ใช้ลำแสง ที่มีความเข้มข้นสูง และพลังงานมหาศาล ในการหลอมละลาย เผาไหม้ หรือระเหยวัสดุ ออกเป็นรูปทรงตามที่ต้องการ เสมือนมี "ดินสอแห่งแสง" ที่วาดลวดลายบนวัสดุได้อย่างอิสระ
ด้วยความแม่นยำระดับไมครอน ความเร็วสูง และความสามารถในการตัดวัสดุได้หลากหลาย ตั้งแต่แผ่นโลหะบางเฉียบ ไปจนถึงวัสดุหนา การตัดเลเซอร์จึงเป็นฮีโร่เบื้องหลัง นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์มากมายรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่ "พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง" เช่นกัน การตัดเลเซอร์ แม้จะเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบ ที่เราต้องตระหนัก ซึ่งเราก็นำมาฝากแล้ว
ก๊าซพิษหรือควันพิษอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
การตัดเลเซอร์แม้จะดูเหมือนเป็นเทคโนโลยีที่สะอาดตา แต่เบื้องหลังลำแสงอันทรงพลัง อาจซ่อนควันพิษที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่อยู่โดยรอบได้
โดยกลไกการเกิดควันพิษ จะเกิดจากความร้อนสูงจากเลเซอร์ ทำให้วัสดุที่ถูกตัดเกิดการระเหย กลายเป็นไอ หรืออนุภาคขนาดเล็กลอยขึ้นสู่อากาศ และในกระบวนการตัด อาจเกิดปฏิกิริยาเคมี ระหว่างวัสดุที่ถูกตัดกับอากาศ หรือแก๊สช่วยตัด (เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน) ก่อให้เกิดสารประกอบใหม่ที่เป็นอันตราย เช่น การตัดโลหะ อาจก่อให้เกิด ฝุ่นโลหะออกไซด์ของโลหะ (เช่น เหล็กออกไซด์) หรือการตัดพลาสติก อาจก่อให้เกิดสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นต้น
ซึ่งสารดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะควันพิษ และฝุ่นละออง ที่เกิดจากการตัดเลเซอร์ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ระบบทางเดินหายใจ อาจจะมีอาการระคายเคือง ไอ จาม หายใจลำบาก เป็นโรคหอบหืด เกิดพังผืดในปอด มะเร็งปอด ระคายเคืองตา แสบตา จนไปถึงปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
เราแนะนำให้ติดตั้งระบบระบายอากาศ และระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ สวมใส่หน้ากากป้องกัน แว่นตา ถุงมือ และถ้าเป็นไปได้ให้ตรวจสุขภาพผู้ปฏิบัติงานเป็นประจำ จะดีที่สุด
รังสีความร้อน
รังสีความร้อน เป็นผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นจากการตัดเลเซอร์ (Laser Cutting) ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อทั้งวัสดุที่ถูกตัด และผู้ปฏิบัติงาน หากไม่มีการควบคุมอย่างเหมาะสม ซึ่งรังสีความร้อนจะเกิดก็ต่อเมื่อลำแสงเลเซอร์ตกกระทบวัสดุ วัสดุจะดูดกลืนพลังงานแสง แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน จากนั้นพลังงานแสงบางส่วน อาจสะท้อน หรือกระเจิงออกจากวัสดุ ทำให้วัสดุที่ได้รับความร้อน จะแผ่รังสีความร้อนออกมาในรูปแบบรังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation)
โดยรังสีความร้อนจะก่อให้เกิด HAZ (Heat Affected Zone) บริเวณรอบรอยตัดจะได้รับความร้อน ทำให้โครงสร้างจุลภาคของวัสดุเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อสมบัติทางกล เช่น ความแข็ง ความเหนียว และความต้านทานการกัดกร่อน และความร้อน อาจทำให้วัสดุเกิดการขยายตัว หดตัว หรือบิดเบี้ยว กรณีแย่สุดหากความร้อนสูงเกินไป วัสดุอาจหลอมละลาย หรือไหม้ ไปเลยก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับผู้ปฏิบัติงาน รังสีความร้อนอาจทำให้ผิวหนังไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เลเซอร์กำลังสูง หรือสัมผัสกับรังสีเป็นเวลานาน รวมไปถึงเป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้เกิด ต้อกระจก หรือจอประสาทตาเสื่อมได้
เราอยากแนะนำการป้องกันง่าย ๆ ก็คือควรเลือกใช้พารามิเตอร์การตัดที่เหมาะสม เช่น กำลังเลเซอร์ ความเร็วในการตัด และชนิดของแก๊สช่วยตัด ใช้วิธีการระบายความร้อน เช่น การเป่าลม หรือ การใช้น้ำหล่อเย็น ไปจนถึงการใช้ฉากกั้น เพื่อป้องกันรังสีความร้อน อย่าลืมสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น แว่นตา เสื้อผ้า และถุงมือ ที่ทนความร้อน
เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ถึงแม้การตัดเลเซอร์จะมีข้อดีมากมาย เช่น ความแม่นยำสูง และความเร็วในการตัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระบวนการนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน มาดูกันว่าการตัดเลเซอร์ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง
การใช้พลังงาน
เครื่องตัดเลเซอร์ โดยเฉพาะเลเซอร์ประเภท CO2 ใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างสูง ยิ่งเครื่องมีกำลังมาก หรือใช้งานเป็นเวลานาน ก็ยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
การปล่อยมลพิษทางอากาศ
กระบวนการตัดเลเซอร์ ทำให้เกิดควัน และฝุ่นละออง ซึ่งมีองค์ประกอบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ตัด และการตัดวัสดุบางชนิด อาจก่อให้เกิดก๊าซพิษ เช่น ไนโตรเจนออกไซด์ จากการตัดโลหะ โดยมลพิษทางอากาศเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม
การใช้วัสดุสิ้นเปลือง
การตัดเลเซอร์บางประเภท จำเป็นต้องใช้แก๊สช่วยตัด เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน หรือ อาร์กอน ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติ หรือวัสดุสิ้นเปลืองอื่น ๆ เช่น เลนส์ กระจก หัวฉีด ซึ่งมีอายุการใช้งานจำกัด และต้องเปลี่ยนใหม่
การจัดการของเสีย
การตัดเลเซอร์ ทำให้เกิดเศษวัสดุ ซึ่งต้องมีการจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงวัสดุสิ้นเปลือง ต้องมีการกำจัด หรือรีไซเคิล อย่างถูกวิธี
แม้การตัดเลเซอร์จะก่อให้เกิดผลกระทบหลากหลาย ดังที่ได้กล่าวมา แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และความใส่ใจในมาตรฐานความปลอดภัย ผลกระทบเหล่านี้ สามารถควบคุมลงได้
ฉะนั้น การเลือกใช้บริการตัดเลเซอร์จากผู้เชี่ยวชาญ ที่ใส่ใจทั้งคุณภาพ และความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ "ไพลิน เลเซอร์ เมทเทิล (PLM)" พร้อมให้บริการตัดเลเซอร์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคุมโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล มั่นใจได้ว่า คุณจะได้รับชิ้นงานคุณภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน สนใจใช้บริการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ PLM ได้เลย
Comments